การอ่าน ราคาบอล ufabet นั้นเป็นพื้นฐานของการพนันบอลออนไลน์ ซึ่งในปัจจุบัน เรื่องนี้จะเป็นสิ่งที่สำคัญมากๆ เพราะจะเป็นตัวบ่งบอกผลกำไรของคุณ และการเลือกรูปแบบ ราคาบอลและอัตราต่อรอง ที่เหมาะสมสำหรับตัวคุณ วันนี้เรามารู้จักกันในเรื่องของ การอ่านราคาบอล ซึ่งหลายคนคงทราบกันดีแล้ว และอีกหลายคนอาจจะยังเป็นมือใหม่ ที่เพิ่งเข้ามาแทงบอลออนไลน์ และยังไม่รู้ว่าราคาบอลแต่ละประเภทแตกต่างกันอย่างไร มาดูข้อมูลน่ารู้จาก UFA771
การอ่านราคาบอล มีประโยชน์อย่างไรต่อผู้เดิมพันฟุตบอล
การอ่านราคาบอล หรือ การเรียนรู้ราคาบอลแต่ละประเภท เป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม ประโยชน์ของการรู้จักราคาบอล จะช่วยเสริมให้เรามีการวิเคราะห์ก่อนการแทงบอลได้ดี และมีโอกาสชนะมากขึ้นในการเดิมพัน
- ช่วยให้เราตัดสินใจได้ง่ายขึ้นและแม่นยำมากขึ้น
- ช่วยให้เราสามารถลงโอกาสในการสูญเสียจากการเดิมพันได้มากขึ้น ถึงแม้จะไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์ก็ตาม
- เราจะเลือกแทงทีมต่อหรือทีมรองก็ได้ ถ้าหากเราประเมินสถานการณ์การแข่งขันและประเมินราคาบอลได้ดี
ราคาบอลแต่ละประเภท มีกี่แบบ อะไรบ้าง
ราคาบอลนั้นมีหลากหลายประเภท ซึ่งเราสามารถเลือกใช้ตามความเหมาะสมและความถนัดของเราได้เลย โดยราคาบอลจะถูกแบ่งออกทั้งหมด 5 ประเภท ดังต่อไปนี้
1. ราคาบอลแบบมาเลย์ (Malay Odds – MY)
- เป็นราคาบอลที่นิยมมากในเอเชีย โดยเฉพาะในประเทศไทย ราคาบอลแบบมาเลย์มีการแบ่งเป็น 2 แบบคือ ค่าน้ำดำ และ ค่าน้ำแดง
ค่าน้ำดำ เป็นอัตราการจ่ายที่น้อยกว่าเงินเดิมพัน เช่น ค่าน้ำดำ 0.92 หากเดิมพัน 100 บาท ชนะจะได้กำไร 92 บาท แต่ถ้าแพ้จะเสียเต็ม 100 บาท
ค่าน้ำแดง เป็นอัตราการจ่ายที่คิดเป็นจำนวนลบ เช่น ค่าน้ำแดง -0.95 หากเดิมพัน 100 บาท ชนะจะได้กำไรเต็ม 100 บาท แต่ถ้าแพ้จะเสีย 95 บาท (น้อยกว่าเงินเดิมพัน)
2. ราคาบอลแบบฮ่องกง (Hong Kong Odds – HK)
- ราคาบอลแบบนี้จะคำนวณกำไรที่ได้จากการเดิมพันโดยตรง โดยค่าน้ำของราคาฮ่องกงจะเป็นบวกเสมอ เช่น ค่าน้ำ 1.45 หากเดิมพัน 100 บาท ชนะจะได้กำไร 145 บาท (รวมทุนเป็น 245 บาท) แต่ถ้าแพ้จะเสียเต็ม 100 บาท
- วิธีการคิดง่ายๆ คือคำนวณจากยอดเดิมพันแล้วนำไปคูณกับค่าน้ำ หากค่าน้ำมากกว่า 1.00 ก็จะได้กำไรที่มากกว่ายอดเดิมพัน แต่ถ้าน้อยกว่า 1.00 จะได้กำไรที่น้อยกว่าเดิมพัน
3. ราคาบอลแบบยุโรป (European Odds – EU)
- เป็นรูปแบบที่คำนวณได้ง่ายที่สุด เพราะอัตราต่อรองของบอลยุโรปเป็นการคำนวณทั้งทุนและกำไรในอัตราเดียวกัน เช่น ค่าน้ำ 2.50 หากเดิมพัน 100 บาท ชนะจะได้ 250 บาท (รวมทุน) แต่ถ้าแพ้จะเสียเต็ม 100 บาท
- ราคาบอลแบบยุโรปเป็นที่นิยมในประเทศฝั่งตะวันตก เช่น อังกฤษ และสามารถแปลเป็นกำไรง่ายๆ ได้ด้วยการลบ 1.00 เช่น ค่าน้ำ 2.70 แปลว่าหากเดิมพัน 100 บาท คุณจะได้กำไร 170 บาท
4. ราคาบอลแบบอินโดนีเซีย (Indonesian Odds – INDO)
- คล้ายกับราคาฮ่องกง แต่มีการแยกเป็น 2 แบบคือราคาน้ำบวกและราคาน้ำลบ
- ราคาน้ำบวก เช่น ค่าน้ำ +1.75 เดิมพัน 100 บาท ชนะจะได้กำไร 175 บาท
- ราคาน้ำลบ เช่น ค่าน้ำ -1.25 เดิมพัน 100 บาท หากชนะได้ 80 บาท แต่หากแพ้จะเสียเต็ม 125 บาท
5. ราคาบอลแบบอเมริกัน (American Odds – US)
- ราคานี้ใช้หลักการ “บวก” และ “ลบ” เช่นเดียวกัน โดยถ้าเป็นราคาน้ำบวก (ค่าน้ำบวก) จะบอกจำนวนเงินที่ได้จากการเดิมพัน 100 หน่วย เช่น ค่าน้ำ +150 หมายถึงเดิมพัน 100 บาท ได้กำไร 150 บาท แต่ถ้าเป็นราคาน้ำลบ (ค่าน้ำลบ) จะบอกว่าต้องเดิมพันเท่าไหร่เพื่อให้ได้กำไร 100 บาท เช่น ค่าน้ำ -120 ต้องเดิมพัน 120 บาทเพื่อชนะ 100 บาท
ความแตกต่างของราคาบอลแต่ละประเภท มีความแตกต่างกันอย่างไร
จากทั้งหมดที่กล่าวมา ซึ่งจะมี 5 ประเภทของราคาบอลนั้น โดยรวมแล้วจะแตกต่างกันในเรื่องของวิธีคำนวณผลกำไรเป็นหลัก ซึ่งในแต่ละประเภทที่คนส่วนใหญ่จะเลือกใช้บริการราคาบอลนั้น จะขึ้นอยู่กับความถนัด และความเข้าใจในการคำนวณราคาบอลในแบบที่ตัวผู้เล่นเองเข้าใจง่าย ซึ่งรูปแบบค่าน้ำเหล่านี้ จะไม่ได้มีผลอะไรต่อผลกำไรที่เราจะได้ แต่อาจจะมีส่วนช่วยในเรื่องของ ความเข้าใจง่าย และ การเดิมพันแบบป้องกันการขาดทุนมากหรือน้อยตามข้อกำหนดของรูปแบบแต่ละประเภทเพียงเท่านั้น
สรุป การอ่านราคาบอล
การอ่านราคาบอลและเข้าใจในเรื่องของประเภทราคาบอลต่างๆนั้น เป็นพื้นฐานที่สำคัญสำหรับนักพนันฟุตบอลในปัจจุบัน เพราะถือว่าเป็นหัวใจหลักในการแทงบอล ซึ่งราคาบอลแต่ละประเภท มีความแตกต่างกันในเรื่องของการคำนวณผลกำไร แต่ไม่ได้มีผลอะไรต่อจะเปลี่ยนแปลงต่อราคาบอลที่ทาง UFABET กำหนดมาให้นั่นเอง
สมัครแทงบอล และดู ราคาบอล ufabet ได้ฟรีกับ UFA771 เว็บแทงบอลออนไลน์ ที่รวบรวมการแทงบอลไว้ในที่นี่ที่เดียว สมัครแทงบอล ufabet ง่ายๆได้ด้วยตัวคุณเองที่ Line : @UFA771
